กระหึ่มวงการแฟชั่นตอกย้ำศักยภาพของดีไซเนอร์ไทยซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าไม่เป็นที่สองรองใคร รวมถึงการเป็นศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลกที่ “วันสยาม” โกลบอลเดสติเนชั่นอันเกิดจากการผนึกกำลังของ
สามศูนย์การค้าระดับโลก สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน เพื่อให้สมกับการเป็นผู้นำในการส่งเสริมแฟชั่นไทย “วันสยาม” จึงจัดงานที่สุดของมหาปรากฏการณ์แฟชั่นวีคระดับโลก “Bangkok International Fashion Week 2019” (BIFW2019) เนรมิตพาร์ค พารากอน สยามพารากอน เป็นแกรนด์รันเวย์สุดอลังการเพื่อถ่ายทอดผลงานคุณภาพจากแบรนด์ดังระดับอินเตอร์ และ 14 แบรนด์ชั้นนำของไทยด้วยแฟชั่นโชว์สุดตระการตา ไปเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “We wear Thai Designer” ปลุกกระแสวงการแฟชั่นไทยให้คนไทยและทั่วโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพด้านการออกแบบของดีไซเนอร์ไทย ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์เฉพาะตัว ทั้งยังมีความประณีตบรรจงในด้านการตัดเย็บ จนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับของวงการแฟชั่นทั่วโลก และยังเป็นการสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าที่ล้วนผ่านการ   ครีเอตผลงานอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งช่วยผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมี เกตุวลี นภาศัพท์, มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้บริหารให้การต้อนรับ ท่ามกลางเหล่าแฟชั่นนิสต้า เซเลบริตี้ และคนในวงการแฟชั่นตบเท้ามาร่วมอัพเดตเทรนด์กันอย่างคับคั่ง อาทิ อินทิรา ธนวิสุทธิ์, ภัทรียา ณ นคร, บุปผา กิ่งชัชวาลย์, พีรนุช ต.สุวรรณ, กรรณิการ์ วิโรจนวัธน์, กรัชเพชร อิสสระ, ธาวิน พี เซียวตง, อัญชิสา วัชรพล, ปณิธิพัทธ์ สุขสมบูรณ์, แพรวา จิรประวัติ ณ อยุธยา, ทริสา สิหนาทกถากุล ฯลฯ
งาน Bangkok International Fashion Week 2019 ยังคงยืนหยัดความเป็นศูนย์รวมแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ นับเป็นการสร้างมหาปรากฏการณ์แห่งวงการแฟชั่นประจำปีที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าต่างให้ความสนใจ นอกจากจะได้อัพเดตคอลเลคชั่นล่าสุด Spring/Summer 2019 จากแบรนด์ชั้นนำผ่านแฟชั่นโชว์สุดตระการตาที่ทุกแบรนด์ต่างพร้อมใจกันรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อสุดยอดรันเวย์แฟชั่นวีคงานนี้แล้ว อีกหนึ่งความพิเศษของงานครั้งนี้ยังได้จัดพื้นที่ในส่วนของ See Now Buy Now Pop Up บริเวณ Idea Avenue 4 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ ให้ผู้เข้าชมแฟชั่นโชว์และผู้สนใจทุกท่านสามารถเลือกซื้อคอลเลคชั่นล่าสุดที่นำมาจัดแสดงแฟชั่นโชว์ได้ตลอดการจัดงาน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เติบโตและขยายวงกว้างยิ่งขึ้น

The highly anticipated Bangkok International Fashion Week 2019 (BIFW 2019) was staged during 28-31 March 2019 by One Siam, the global destination – an alliance of 3 world-class shopping centers Siam Paragon, Siam Center and Siam Discovery. One Siam has long been a key force driving Thai fashion industry forward. Siam Paragon Shopping Center was transformed into lavish Grand Runway, featuring 14 top-notch Thai and internationally-acclaimed labels. A campaign “We wear Thai Designer,” was also launched in paralleled to highlight Thai fashion and its unique identity, praising creativity and high quality to the eyes of the nation and the world.  
The BIFW2019, the country’s most prominent fashion showcase, unveiled the latest Spring/Summer 2019 collections in extravagant show settings. This year, the fashion crowd, could grab their favorite as-seen-on-the-runway pieces at the See Now Buy Now Pop up at Idea Avenue 4, G Floor, Siam Center.

สำหรับวันสุดท้าย (31 มี.ค.) เปิดด้วยแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่น “The Floating World” ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นล่าสุดจากแบรนด์ Nagara โดยนคร สัมพันธารักษ์ ต่อด้วยแบรนด์คลาสสิคตลอดกาลอย่าง Pichita โดยพิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ และ ธีมา รักษะจิตร ในคอลเลคชั่นชุด “The Golden Hour”  และปิดท้ายรันเวย์สุดตระการตาด้วยโชว์จาก Tube Gallery โดยพิสิฐ จงนรังสิน และศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์  ในคอลเลคชั่นล่าสุด “More is More” ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อการเฉลิมฉลองการครบรอบ 20 ปี Tube Gallery ซึ่งได้รวบรวมเหล่านางแบบนายแบบที่เคยร่วมงานกับ Tube Gallery ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมามาไว้ในมหาปรากฏการณ์แฟชั่นวีคระดับโลกครั้งนี้

The last day, March 31, saw iconic fashion houses including Nagara by legendary designer Nagara Sambandaraksa and his The Floating World show, followed by the 
all-time classic Pichita by Pichitra Boonyarataphan and her daughter Teema Rucksajit with The Golden Hour and lavishly closing with Tube Gallery. The duo designers 
Phisit Jongnarangsin and Saksit Pisalasupongs celebrated the label’s 20th Anniversary with the gathering of models who had walked the brand’s runway for the past two decades.

โชว์/แบรนด์ : The Floating World / NAGARA (นาการา)
ดีไซเนอร์ : นคร สัมพันธารักษ์
NAGARA แบรนด์ไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น Legend of Thai Fashion ร่วมสร้างสรรค์คอลเลคชั่นใหม่ “The Floating World” ต้อนรับสปริงส์/ซัมเมอร์นี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจและอิทธิพลมาจากศิลปินชาวญี่ปุ่น อย่าง Katsushika Hokusai ผู้เชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ภาพด้วยบล็อคไม้ในสมัยเอโดะ รวมถึงป๊อปอาร์ตในช่วงค.ศ.1970-1980 และ Kansai Yamamoto ดีไซเนอร์ญี่ปุ่นในยุค ค.ศ. 1980 โดยความพิเศษในคอลเลคชั่นนี้เพิ่มการปักเลื่อมและลูกปัด การลงบนลายของผ้าพิมพ์เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ชิ้นและเพิ่มมิติของผลงานให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังประดับตกแต่งรายละเอียดด้วยผ้า Brocade ลงบนชุดและเสื้อคลุมยาวผ้าไหมไทย ทำให้คอลเลคชั่นนี้ดูโดดเด่นและน่าตื่นเต้นกว่าคอลเลคชั่นอื่นๆ ที่ผ่านมา 
Asian Contemporary อัตลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็น NAGARA ได้เป็นอย่างดี ที่ดีไซเนอร์ตั้งใจศึกษาและเลือกใช้เทคนิคต่างๆ ทั้งการออกแบบดีไซน์ประกอบกับลายพิมพ์อันโดดเด่น และการตัดเย็บที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ NAGARA 

Show / Brand : The Floating World / NAGARA
Designer : Nagara Sambandaraksa
Praised as the legend of Thai fashion, NAGARA welcomed this season with The Floating World. Drawing inspiration from two prominent Japanese artists Katsushika Hokusai, an Edo woodblock printmaker, and Kansai Yamamoto, the founding father of contemporary Japanese fashion who flourished during 1980. Pop art from 1970-1980 was also another key inspiration. Prints were adorned with hand-embroidered beads and sequins to elevate dimension. Lengthy robe in Thai silk was decorated with brocade for outstanding and exciting new look.
NAGARA truly embraces Asian contemporary. The designer is deep into perfecting his craft, mastering technique, sophisticated design, signature prints and proficient tailoring that could only be found at NAGARA.

โชว์/แบรนด์ : The Golden Hour /   PICHITA (พิจิตรา)
ดีไซเนอร์ : พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ และ ธีมา รักษะจิตร
แรงบันดาลใจมาจากผู้หญิงในอุดมคติที่ต้องการแสดงถึงเป็นความอิสระ ที่มีความแตกต่างจากกรอบแนวคิดเดิม ๆ แต่เป็นการจินตนาการที่หลุดพ้นจากบ่วงความคิดที่ถูกจำกัดไปสู่การมองเห็นซึ่งสิ่งใหม่ จึงเป็นที่มาของ PICHITA ที่มาเผยโฉมครั้งแรกในงาน BIFW 2019 ในคอลเลคชั่นล่าสุดอย่าง “The Golden Hour” บอกเล่าเรื่องราวของช่วงเวลาแห่งความงดงามดั่งทองคำ โดยนำมาจากหนังสือของ Eckhart Toelle’s ที่มีประโยคหนึ่งว่า “Psychological Time” ช่วงเวลาของจิตใจ ดั่งกาลเวลาที่เป็นสิ่งที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้มีกรอบในการใช้ชีวิตด้วยความตระหนักรู้จากสิ่งเดิมไปสู่หนทางแห่งอิสระ เสมือนการที่เรานึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนได้รับรู้ถึงสิ่งที่ควรจะเป็นไป เพื่อการดำเนินชีวิตสู่หนทางที่ดีขึ้น 
PICHITA คอลเลคชั่นนี้เลือกใช้การออกแบบด้วย Mosaic, Patchwork และกลิ่นอายของความคลาสลิก ทั้งนี้แบรนด์ได้มีการนำแนวคิดและวิธีการของ Atelier Pichita นำมาพัฒนาและต่อยอดผ่านงานฝีมือระดับ Haute couture ด้วยการตัดเย็บอย่างประณีต วัสดุชั้นเยี่ยม ผสมผสานกับลายพิมพ์ที่สื่อถึงเรื่องราวของแรงบันดาลใจ โดยใช้ Mood & Tone ของที่มีกลิ่นอายของทองคำ ออกมาในรูปแบบของ Ready to Wear หยิบนำโครงสร้างเสื้อผ้าของผู้หญิงยุค 50s มาเป็นลูกเล่นสร้างเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อการสวมใส่ในแบบฉบับของ PICHITA woman ผู้หญิงทำงานยุคใหม่ ที่มีความรู้สึกรักความสนุกสนานกับการใช้ชีวิตแบบมีอิสระ โดยมีการใช้องค์ประกอบในการสื่อสารความอิสระ เช่น ทราย ดวงตา นกพิราบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของอิสระ
จุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจที่สืบทอดจากรุ่นคุณยาย ลำยง บุณยรัตพันธุ์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนตัดเสื้อ ระพี  และคุณแม่ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ สู่รุ่นหลาน ฆาทิม และ ธีมา รักษะจิตร ความชำนาญในด้านงานฝีมือการตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นสูง (Haute Couture) โดยผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทางและประสบการณ์ทางด้านแฟชั่นกว่าหลายทศวรรษ กลายเป็นผลงานที่มีคุณค่าทั้งด้านจิตใจและมูลค่าตลอดมา ได้สานต่อและมีการปรับเปลี่ยนจนกลายเป็น Iconic Life Style แห่งยุคสมัยใหม่

Show / Brand : The Golden Hour / PICHITA
Designer : Pichitra Boonyarataphan and her daughter Teema Rucksajit
Through the generations: PICHITA, founded in 1980, is the creation of Mme. Pichita Boonyarataphan, daughter of the late couturier Lamyong Boonyarataphan, who significantly influenced the local fashion industry through Rapee Couture and the Rapee Institution of Fashion, continues to uphold her family’s legacy. Now, she is joined by her two daughters, Tatim and Teema Rucksajit, to bring freshness, passion and business acumen to the company Atelier Pichita.
‘To be Timeless, is to be Free.’ Inspired by the Timelessness of PICHITA women, PICHITA new collection 2019 ‘The Golden Hour’ took on the spiritual journey that called for Presentness - the state of consciousness and a take on the ending of Eckhart Toelle’s ‘Psychological time’ - the identification that was created by the mind with the past and future. The collection was the interpretations on the Consciousness; where there is Awakening and there is  Freedom. ‘The Golden Hour’, called the attention to the transmutation of base metal into gold, suffering into consciousness while exploring the theme of Surrendering - the Timeless, Placeless, and the Formless realm of Being. At the end of ‘Psychological Time’ is the beginning of Freedom. Bringing awareness to our everyday essentials, ‘The Golden Hour’ was a warm honoring of moments - the Presentness.
Preserving PICHITA iconic style of mosaic, patchwork and classical touches, the collection continued to combine materials, forms and designs where each print was a story in itself. The silhouettes tweaked and played from 50s eras classics to the present-day lifestyle, congruently to PICHITA women - the women who work, enjoy and earn their own freedom. Elements like sand, eye, doves, were repetitively used in this collection as symbolism. 
The collection was developed in the Atelier where full craftsmanship was necessary. All precisions of hand-embroidery and the pattern-making and finest of beads and materials were carefully selected and worn effortlessly soothing today’s Lifestyle. 
The collection portrayed the values and spirit of PICHITA’s ‘Freedom’. Diverging from the mundane associations with ‘Freedom’, the collection interpreted the break-free of not only the visible forms but the intangible. For PICHITA patrons, freedom is just not only about letting lose, being wild, the carelessness of things nor the act of full expressions. The collection mimicked with the acknowledgement of forms, time and space, through a glimpse of silhouettes and embroideries but does not always follow rules, the lines -  the social construct.

โชว์/แบรนด์ : More is More / Tube Gallery (ทูบว์ แกลเลอรี่ )
ดีไซเนอร์ : พิสิฐ จงนรังสิน และ ศักดิ์สิทธิ์  พิศาลสุพงศ์
ทูบว์ แกลเลอรี่ แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำสัญชาติไทย ผู้สร้างสีสันและเป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์ให้กับแฟชั่นพร้อมอวดโฉมผลงานบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ ในงาน BIFW2019 ผ่านคอลเลคชั่นสปริงส์/ซัมเมอร์ 2019  “More is More” ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น เป็นพิเศษสำหรับเป็นส่วนหนึ่ง ในการเฉลิมฉลองการครบรอบ 20 ปี Tube Gallery ซึ่งครั้งนี้ได้รวบรวมเหล่านางแบบนายแบบที่เคยร่วมงานกับ Tube Gallery ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา 
ครั้งนี้ พิสิฐ จงนรังสิน และศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ เลือกใช้ความถนัดสร้างสรรค์ในแบบฉบับ Maximumlism ร่วมด้วยการสร้างสรรค์โชว์สุดตระการตาที่จะสร้างความประทับใจอย่างไม่ผิดหวังแก่ผู้เข้าชม More is More จะเป็นโชว์ที่จะถูกจดจำอีกโชว์หนึ่ง ของ Tube Gallery จนมิรู้ลืม 

Show / Brand : More is More / Tube Gallery
Designers : Phisit Jongnarangsin and Saksit Pisalasupongs
The forefront Thai fashion house presented More is More to celebrate its 20th Anniversary.  For this special occasion, models who have posted for Tube Gallery for the past 20 years reunited on the runway.
For BIFW 2019, Phisit Jongnarangsin and Saksit Pisalasupongs go for their signature Maximumlism, the result is an extravagant fashion show – definitely one of Tube Gallery’s most memorable show.

#BIFW2019 #NAGARA #nagarathefloatingworld #naga_naga #PICHITA #TubeGallery #TubeGalleryByPHISITandSAXIT #tubegalleryjust20 #MoreIsMore #Phoenixor #iamdoeme #WeWearThaiDesigner #OneSiam #SiamParagon #SiamCenter #SiamDiscovery #BangkokInternationalFashionWeek2019